แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถาบัน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สถาบัน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมืองและการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย



สถาบันพระมหากษัตริย์
 
สถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่เหนือการเมืองและการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และชอบที่จะให้มีการเมืองที่มีเสถียรภาพ มีนิติรัฐและความผาสุก ถ้าการเมืองมีความมั่นคงแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะมีเสถียรภาพไปด้วย ถ้าการเมืองไม่มั่นคงหรือมีความปั่นป่วนในสังคม สถาบันพระมหากษัตริย์จะไม่มั่นคงตามไปด้วย
 
สถาบันพระมหากษัตริย์จะรู้สึกไม่เป็นปกติทุกครั้งที่ประเทศไทยไร้เสถียรภาพซึ่งเป็นขอเท็จจริงที่สำคัญ สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่อาจเข้ากับฝ่ายใดได้เนื่องจากจะเสียความเป็นกลาง สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับการรบกวนจากการที่มีการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทานในปี พ.ศ.๒๕๔๗ เนื่องจากไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และขณะนี้สถาบันฯ ก็ได้รับการรบกวนอีกครั้งจากทุกฝ่ายในความขัดแย้งครั้งนี้เนื่องจากทุกฝ่ายไม่ได้ใช้ปัญญาหรือแสดงความเสียสละเพื่อประเทศชาติเพื่อให้ประเทศชาติสามารถก้าวต่อไปบนทิศทางที่ควร
 
สถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและแม้ว่าจะมีหนังสือบางเล่มพยามยามให้เราเข้าใจเป็นอย่างอื่น แต่ความจริงแล้วประชาธิปไตยที่อ่อนแอและนิติรัฐที่อ่อนแอจะส่งผลร้ายต่อความเข้มแข็งของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เท่าเทียมกัน กล่าวโดยสรุปแล้ว ถ้ามีดุลยภาพในระบบของไทยและประชาชนชาวไทยมีความสุขและปรองดองกัน สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะมีเสถียรภาพตามไปด้วย สถาบันพระมหากษัตริย์สามารถจะอยู่ร่วมกับประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในสภาพแวดล้อมของไทยได้
 
สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้ต้องการการเมืองที่ไม่มีความมั่นคงเพื่อที่จะได้เลือกข้างกองทัพเพื่อให้มาปกป้อง“ผลประโยชน์และอภิสิทธิ” อย่างที่นิตยสารดิอีโคนอมิสต์ได้กล่าวอ้างอย่างผิดๆ การเมืองที่ไม่มีเสถียรจะส่งผลต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเช่นกัน  ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ต้องการความมีเสถียรทางการเมืองในประเทศรอบข้าง เช่น ลาว กัมพูชา มาเลเซีย หรือพม่า ประเทศไทยจะไม่มีเสถียรภาพถ้าเพื่อนบ้านไร้เสถียรภาพทางการเมืองหรือมีเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ถ้าเพื่อนบ้านของไทยมีเสถียรภาพและความรุ่งเรือง ไทยก็จะได้รับประโยชน์จากเสถียรภาพและความรุ่งเรืองนั้นไปด้วย
 
สหรัฐอเมริกาก็ต้องการให้เม็กซิโกมีสุขภาพและเสถียรภาพที่ดี และไม่ต้องการเห็นวิกฤติเปโซครั้งต่อไป
ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันอื่นในประเทศไทยควรจะได้รับการพิจารณาจากมุมมองนี้ ถ้ามีดุลยภาพในสังคมไทยและสถาบันต่างๆ มีความเข้มแข็งภายใต้หลักนิติรัฐแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะมีเสถียรภาพตามไปด้วย
บทบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงดำรงความเป็นกลาง โดยทรงปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีและรัฐธรรมนูญ ทรงตักเตือนหลายครั้งให้ชาวไทยสามัคคีกันและใช้ปัญญาในการป้องกันไม่ให้ประเทศล่มจม และทรงใช้คำว่า “ล่มจม” หลายครั้ง
 
นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้อดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวชให้ยุบสภาเพื่อยุติปัญหาการเมือง โดยมีนัยยะว่าถ้านักการเมืองไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติการเมืองได้ก็ควรจะคืนอำนาจสู่พระมหากษัตริย์
หลังจากการเลือกตั้งแล้ว พระมหากษัตริย์ก็จะทรงพระราชทานอำนาจคืนสู่ปวงชนชาวไทยผ่านรัฐสภา ในลักษณะนี้ก็จะมีการคงอยู่ของอำนาจการเมืองไทยตลอดเวลา โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่คงอยู่ตลอดเวลา
 
เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงสูญเสียพระราชอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชในปี พ.ศ.๒๔๗๕ นั้น ไม่ทรงพระราชทานอำนาจให้แก่บุคคลใด แต่ทรงพระราชทานพระราชอำนาจนั้นให้ปวงชนชาวไทยอย่างเต็มเปี่ยม
 
เมื่อใดก็ตามที่ชาวไทยไม่สามารถตกลงวิกฤติการเมืองกันได้ ก็จะถวายอำนาจคืนให้พระมหากษัตริย์ เพื่อที่จะได้เดินหน้าต่อไปอีกครั้งหนึ่งโดยได้รับการสนับสนุนจากพระมหากษัตริย์ นี่คือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในประเทศไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นผู้โอบอุ้ม
 
เมื่อเร็วๆ นี้ นิตยสารฟอร์บส์ ได้ตีพิมพ์ผลสำรวจว่ากษัตริย์ไทยเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วย ทรัพย์สินมูลค่า 35 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
 
นิตยสารดังกล่าวไม่ทราบว่าทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. ทรัพย์สินส่วนพระองค์ การดูแลรักษา เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
2. ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้ดูแลรักษาตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
3. ทรัพย์สินส่วนสาธารณะสมบัติแผ่นดิน เช่นพระราชวังต่างๆ
 
ดังนั้นการสำรวจทรัพย์สินจึงควรต้องพิจารณา เฉพาะทรัพย์สินส่วนพระองค์ เช่นเดียวกับที่เราคงไม่อาจนับรวมทำเนียบขาวเข้าไปในบรรดาทรัพย์สินของประธานาธิบดีบุชได้ แต่ความร่ำรวยมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดประการใดถ้าความร่ำรวยนั้นไม่ได้มาโดยมิชอบ สำหรับที่ดินในกรุงเทพฯ จำนวนมากที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ถือครองอยู่นั้นมีเพียงร้อยละ ๗ เท่านั้น ที่ได้จัดประโยชน์เชิงพาณิชย์ ส่วนที่เหลือให้เช่าแก่บุคคลรายได้น้อย องค์กรการกุศลและองค์กรต่างๆ ของรัฐ ในอัตราที่ต่ำกว่าราคาตลาดทั่วไป
 
อันที่จริงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทำรัฐประหารในปี พ.ศ.2549 และพระองค์มิได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีการทำรัฐประหารล้มรัฐบาลพลเอกชาติชายในปี พ.ศ.2534 แต่เนื่องจากการทำรัฐประหารเมื่อทำไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับหรือยกเลิกได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงต้องลงพระปรมาภิไธยเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ มิเช่นนั้นก็จะเกิดสุญญากาศในการบริหารกิจการบ้านเมือง (การที่ไม่มีรัฐบาลจะทำให้ประเทศอยู่ในสภาวะสูญญากาศทางการเมืองและเกิดความสับสนวุ่นวาย)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและและทรงเป็นพุทธมามกะที่ยิ่งใหญ่ การที่ทรงเป็นพุทธมามกะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไม่มีความเห็นแก่พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้มีแต่ให้ พระองค์มิทรงเคยเอาผลประโยชน์จากประชาชนชาวไทย

เงินหรือการบริจาคจากสาธารณชนที่ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะถูกส่งต่อไปยังองค์กรการกุศลอื่นๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชจริยวัตรเรียบง่ายและเสวยพระกระยาหารธรรมดา พระองค์จะทรงฉลองพระองค์อย่างกษัตริย์หรือทรงใช้รถพระที่นั่งลีมูซีนต่อเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินในงานพระราชพิธีอย่างเป็นทางการ

นั่นคือถ้าเป็นพระราชกรณียกิจที่เป็นทางการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงทำอย่างเป็นทางการ แต่หากเป็นพระราชกรณียกิจที่ไม่เป็นทางการ พระองค์จะทรงทำอย่างเรียบง่าย
 
ตลอดช่วงระยะเวลาแห่งการครองราชย์  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงธำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติไทย คำว่า“ธำรงไว้ซึ่งความเป็นชาติไทย”นี้เป็นสิ่งซึ่งอยู่ในพระราชหฤทัยเป็นลำดับแรกเสมอมา

บางครั้งคนไทยก็เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “พ่อหลวง” คำนี้สามารถสืบย้อนไปได้ถึงสมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหงทรงเป็นกษัตริย์ในสมัยสุโขทัย แต่พระองค์ทรงปกครองประชาชนเฉกเช่นพ่อปกครองลูก

 “ประชาชนชาวไทยรู้อยู่ลึกๆ ในใจว่า
พ่อหลวงจะไม่ทรงคิดร้ายแก่ประเทศไทย
พ่อหลวงไม่ทรงเห็นแก่พระองค์”
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงส่งเสริมให้ชาวชนบทไทยดำเนินชีวิตโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงให้สอดคล้องกับที่ดินและสิ่งแวดล้อมของตนเอง เมื่อพวกเขาสามารถดำรงชีพได้อย่างพอเพียงบนผืนดินและสิ่งแวดล้อมของเขาเองแล้วพวกเขาก็จะสามารถมีเงินออมเพื่อใช้ในอนาคตโดยการขายส่วนที่เหลือกินเหลือใช้

ในความเป็นจริง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรมากที่สุดในโลก เรามีสภาพภูมิอากาศที่ดีมาก มีภัยพิบัติทางธรรมชาติน้อยมาก ข้าวไทยเป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลก ผลไม้ไทยก็เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดในโลก ผืนดินก็อุดมสมบูรณ์และต้นไม้ก็สามารถเติบโตได้เองโดยธรรมชาติ ที่นี่คือสุวรรณภูมิ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งทองคำคุ้มครองโดยพระสยามเทวาธิราช

แต่ระบบและค่านิยมแบบสมัยนิยมผลักดันให้ชาวชนบทไทยออกห่างจากชุมชนของพวกเขาอันเป็นการทำลายโครงสร้างทางสังคมของพวกเขาลง พวกเขาจะถูกเอาเปรียบจากคนรวยในพื้นที่และสังคมชนบทก็ยิ่งถูกทำให้อ่อนแอลง ความไม่เท่าเทียมทางสังคมและความไม่ยุติธรรมพบเห็นได้ในประเทศไทยมานานก่อนที่จะเกิดปรากฏการณ์เสื้อแดงเสียอีก

การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มเสื้อแดงก็เป็นผลจากช่องว่างของความคิดหรือองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองและคุณค่าของสังคมไทย ในขณะนี้เราก็ยังคงมีความต้องการประชาธิปไตยแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรือการทำให้เกิดประชาธิปไตยจริงๆ ได้อย่างไร และไม่ว่ารัฐธรรมนูญของเราจะมีความสมบูรณ์ครบถ้วนเพียงใด เรายังคงจะมีนักการเมืองจำนวนไม่น้อยที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว และมีภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมอยู่ในรัฐสภา

เมื่อใดก็ตามที่เรามีการเลือกตั้งเรามักจะพูดว่ามันเป็นสิ่งดี ที่ในที่สุดเสียงของประชาชนก็ได้รับความสนใจเพราะพวกเราไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ในความเป็นจริงการเมืองไทยเต็มไปด้วยความทุจริต ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนหรือปฏิรูปการเมืองหรือแม้กระทั่งมีรัฐประหาร นักการเมืองหน้าเดิมๆก็กลับมาหลอกหลอนพวกเราอีก ประชาธิปไตยของไทยช่างน่าสิ้นหวังจริงๆ

ในความเป็นจริงหากคนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าเรามีความสุขกับการมีสถาบันพระมหากษัตริย์และวัฒนธรรมอันมากมายที่ไม่มีในชาติอื่น เราก็จะยังคงมีสถาบันพระมหากษัตริย์ไปตราบเท่าที่เราต้องการ ประชากรไทยเท่านั้นที่จะตัดสินใจ ไม่ใช่นักวิชาการจอมปลอม สื่อต่างชาติ นักสิทธิมนุษยชน องค์กรเอกชน หรือแม้แต่ผู้นิยมลัทธิมากซ์

หมายเหตุ บทความนี้เป็นบางส่วนของบทความ “เผด็จการเสียงข้างน้อย กับเผด็จการเสียงข้างมาก” (TheTyranny of the Minority vs the Tyranny of the Majority) ของทนง ขันทอง จาก http://blog.nationmultimedia.com/thanong/2008/10/08/entry-2 เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 8 ตุลาคม 2551

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คนไทย..รักในหลวงอย่างไร..?? โครงการเขื่อนแม่วงก์ กับ สถาบันฯ


  รัฐบาลกำลังจงใจทำให้ประชาชนวิวาทกัน  และพาลเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ผิด  ซ้ำซากอย่างจงใจ
  เพราะอะไร…
  1. ตอนนี้มีคนต่อต้าน EHIA ของโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ของกรมชลประทาน และเขาได้อธิบายถึงความไม่ชอบมาพากลของ EHIA ฉบับนี้  พร้อมด้วยข้อมูลสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น
 แต่แล้วรัฐบาลก็ไม่อธิบายว่า EHIA ที่เขาสงสัยกันว่าจะฉ้อฉลนี้ เป็นมีความจริงเบื้องหลังอย่างไร แทนที่จะนำข้อมูลมาเผยให้ประชาชนรู้ กลับบอกว่าเขื่อนแม่วงก์นี้มีประโยชน์ ป้องกันน้ำท่วมได้อย่างไร
  ผมถึงบอกว่า ผู้จัดการที่ฉ้อฉลกับนักการเมืองที่ชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ มันจะทำเละเทะ เหลวแหลก
  2. มันจึงเกิดการจงใจเปิดประเด็นถกเถียงเบี่ยงเป้าใหม่ ไปเป็นว่า คนรักป่าไม่เอาเขื่อน ขัดแย้งกับคนเอาเขื่อนไม่รักป่า และกำลังสร้างเงื่อนไขให้ ม๊อบชนม๊อบ และยังบิดพลิ้วจงใจลากให้กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง ระหว่างคนไม่ถูกน้ำท่วมกับคนถูกน้ำท่วม ซึ่งจะเลยเถิดไปมากจนน่ากลัวจะเกิดสงครามกลางเมือง
…ทั้งที่ประเด็นแท้จริง คือ เขาต่อต้าน EHIA ที่ฉ้อฉลนั้น และเขาต้องการเปิดโปงไอ้โม่งที่ทำ EHIA ฉ้อฉลนี้ พี่น้องไทยทั้งหลาย…อย่าหลงกล เบี่ยงประเด็น
ผมถึงบอกไงว่า ผู้จัดการที่ฉ้อฉล กับนักการเมืองที่ชั่วร้าย มันจะทำชาติฉิบหายโดยไม่ไยดี
  3. ตอนนี้ รัฐบาลกำลังสู้มติและข้อมูลอันหนักแน่นของฝ่ายคัดค้านไม่ได้ เพราะอธิบายเรื่องฉ้อฉลของ EHIA ไม่ได้ ก็พาลออกมาแสดงอำนาจข่มแล้ว “คนที่ต้านมันจะเอาอะไรหนักหนา” …. “ สัตว์ป่าสร้างได้ …” ทั้งที่ตัวเองนั้นแหละ พลิกลิ้น ตีสองหน้า มานานกว่า ๑๐ ปีจนคนจับได้คาหนังคาเขา ทั้งที่การเปิดเผยข้อมูล มันง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร
ผมถึงบอกไงว่า ผู้จัดการที่ฉ้อฉล กับนักการเมืองที่ชั่วราย มันจะฮุบมรดก และป่าไม้ของชาติเป็นของตัวเอง ครอบครัวและพรรคพวกมันร่ำรวยกันถ้วนหน้า แต่ชาวประชายากจน เป็นหนี้เป็นสินและ น้ำท่วมซ้ำซากซ้ำเติม โอ่ มันช่างเป็นเวรกรรมของประชาชนชาวไทย จริงๆ
  4.. หนักเข้า เมื่อจะถูกจับเค้นความจริงอีกครั้ง กลุ่มคนฉ้อฉลก็เริ่มจนแต้ม เหมือนเรื่องฮุบผลประโยชน์จาก ปิโตรเลียม ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง โดยไม่อินังขังขอบกับข้อเท็จจริง คนเหล่านี้ก็เริ่มเบี่ยงประเด็น ปัดสวะ ด้วยเล่ห์เลวร้ายแบบเดิม ๆ
คือใส่ร้ายป้ายสีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง
  ด้วยการเอ่ยว่า…บอกความไม่จริงอีกครึ่งไม่ได้ (แต่ไม่ได้บอกว่าส่วนอีกครึ่งที่บอกไปแล้วนั้นเป็นคำโกหก) เขื่อนนี้เป็นเขื่อนโนโครงการพระราชดำริ เป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนมีการเชื่อมโยง Link กันให้วุ่นวาย
 ถึงแม้จะเป็นโครงการในพระราชดำริจริง ประชาชนส่วนใหญ่ประท้วง ต่อสู้และปกป้องการทำลายป่าไม้และสัตว์ป่า เพื่อเป็นการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ จากการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ขนาด อจ.ศศิน เฉลิมลาภ ยอมทุกข์ทรมาน เดินประท้วงเป็นระยะทางนับร้อยกิโล
 ผมสามารถพูดได้เต็มปาก ว่า ถึงแม้โครงการนี้ดีเช่นไร (ตามโฆษณา จากคนที่อยากจะสร้าง) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่ได้ให้สร้างแน่นอน เพราะทรงมีพระปฐมบรมราชโองการ ว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
เมื่อมีเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ของกรมชลประทาน จะดีเด่นขนาดไหนที่รัฐฯ ออกมาโกหกประชาชนเช่นไร
ถ้าประชาชนเดือดร้อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีทศพิธราชธรรม จะทรงฟังเสียงของประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ และเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ ของแผ่นดินเป็นหลัก
มิใช่ทรงฟังส่วนน้อย เพราะทรงได้มีพระปฐมบรมราชโองการในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ไว้แล้ว และพระองค์มิได้มองถึงผลประโยชน์ในการสร้างเขื่อนแม่วงก์หรือในโครงการพระราชดำริทุกๆโครงการ
ไม่ว่า โครงการของกรมชลประทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพียงแต่ทรงวางแนวทางให้เท่านั้น
 และทุกๆโครงการ พระองค์จะทำเพื่อ ความผาสุกของประชาชนของพระองค์ มิได้ทรงหวังเศษๆเงิน (หรือก้อนใหญ่ๆ) ของงบประมาณของโครงการ เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาพูดไม่ว่าจากฟากรัฐบาล หรือ บรรดานักวิชาการทั้งหลาย
 ขอความกรุณาโปรดกรุณาอย่าโยง โครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ว่านี่เป็นโครงการในพระราชดำริ
 ถ้าจะพูดก็ขอให้พูดความจริงให้หมด อย่าครึ่งๆกลาง แฝงด้วยยาพิษ ใส่ร้ายองค์พระประมุขของพวกเรา ให้ประชาชนเข้าใจผิดๆได้
  และขอให้ย้อนกลับไปดู พระปฐมบรมราชโองการ ซะ ผมขอร้องทุกๆฝ่ายด้วยมิตรไมตรีนะครับ
 อย่าเอาการเมืองและผลประโยชน์มาโยงกับสถาบันฯ
 คนไทยที่รัก พวกเราหลงกลนักการเมืองชั่วร้ายและผู้จัดการฉ้อฉลอีกแล้ว….
 มันกำลังเสี้ยม ให้เกิดขัดแย้งระหว่างคนจับทุจริตฉ้อฉล EHIA ให้เข้าใจผิดในสถาบันฯ
 ผมจงใจและปรามาสเลยว่า นี่คือเล่ห์เลว ของคนที่กล่าวเช่นนั้น
 เรากำลังตรวจสอบ EHIA ที่ฉ้อฉล เราต้องการจับคนโกง EHIA เหล่านี้ อย่างไร้ยางอาย
 ขอบคุณ อ.ศศิน เฉลิมลาภและคณะที่กล่าวชัดเจนว่า เราต่อต้าน EHIA ที่ฉ้อฉล ไม่ใช่เขื่อนหรือไม่ใช่น้ำท่วมหรือไม่ท่วม
 ผมอยากบอกให้คนไทยรู้ทัน นักการเมืองเจ้าเล่ห์พวกนี้ว่า ถ้าเป็นโครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่านจริง ยกเลิกง่ายมากครับ
  The King Can do No Wrong มิใช่แปลว่า กษัตริย์ทำอะไรก็ไม่ผิด แต่หมายถึง กษัตริย์จะระมัดระวัง และทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง ต่างหาก
  ดังนั้น ถ้ารัฐบาลยืนยันว่า โครงการเหล่านี้ เป็นของในหลวงจริง รัฐบาลไม่มีอำนาจละก็ เข้าล็อค
 ผมพูดในฐานะพวกเราที่จงรักภักดีต่อสถาบันและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปรียบ เหมือนเป็นลูกๆของพระองค์ท่านว่า ถ้าโครงการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์เป็นของพ่อจริง เผลอๆ พวกเราจะได้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท คืนให้คนไทยทุกคน ครบทุกบาท ทุกสตางค์โดยพวกเราประชาชนทั้งหลายไม่ต้องเป็นหนี้เลยด้วยซ้ำไป
  เกรงแต่ว่า ผู้จัดการฉ้อฉล ที่ชอบแอบอ้างและผ่องถ่ายให้ลูกเมีย ครอบครัวของมันนั้น มันจะแบ่งหัวคิวกันไปเรียบร้อยแล้ว หัวเด็ดตีนขาด มันจะตีกันทุกวิธี และฮุบไว้ทำเองในฐานะผู้ได้รับคัดเลือกน่ะสิ
ไอ้ที่มาเยิ้ว เยิ้ว กันนั้น ล้วนแต่เป็นพวกตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ เพื่อมาหลอกให้พวกเรา ไม่ว่าเสื้อแดง เสื้อเหลือง นักอนุรักษ์ นักวิชาการที่ดีและชั่วทั้งสองฝ่าย ตลอดจนประชาชนที่หาเช้า กินค่ำแบบพวกเรา มาฆ่ากันเอง เพื่อผลประโยชน์ของพรรคพวกเค้า.
……………………………………………………………..
ที่มา : บางส่วนจากบทความในเฟซบุ๊ค พลตรี ม.จ.จุลเจิม ยุคล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ฯ รัชกาลที่ ๙ พ.ศ. ๒๔๙๙